2 คมล่าถล่มเมือง (อังกฤษ: Cold War; จีนตัวเต็ม: ??; จีนตัวย่อ: ??; พินอิน: H?n Zh?n) ภาพยนตร์ดราม่าแอ็คชั่นสัญชาติฮ่องกง ในปี ค.ศ. 2012
"ฮ่องกง" เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย เมืองการค้าระดับโลกที่ตำรวจเป็นใหญ่และไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่แล้วในกลางดึกคืนหนึ่ง มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามายังสำนักงานตำรวจฮ่องกง แจ้งเบาะแสว่ารถตู้ขนอาวุธที่นำสมัยที่สุดของกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 นาย ได้หายไปจากระบบติดตาม โจรที่ปฏิบัติการในครั้งนี้ ล่วงรู้ระบบการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี และยังรู้เท่าทันการทำงานของตำรวจ แต่ล้ำหน้าไปหนึ่งขั้นตลอดเวลา ตำรวจจะต้องทำตามข้อเรียกร้องที่พวกมันกำหนดขึ้นรวมทั้งเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน ทุก ๆ เสี้ยววินาทีหมายถึงชีวิตของตัวประกัน เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร หลิว ฉีฮวย และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ หลี่ เหวินปิง ต่างแย่งชิงกันทำคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ถูกตั้งรหัสภารกิจว่า "โคลด์ วอร์" หลิวต้องการต่อรองกับโจร ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะตามแกะรอยไปให้ถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกมัน แต่ในขณะที่ หลี่พร้อมจู่โจมอย่างบ้าระห่ำไม่สนว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่แค่การเดิมพันชีวิตของตัวประกันหรือภาพลักษณ์ของกรมตำรวจ แต่มันหมายถึงอำนาจ เนื่องจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังจะว่างลงในไม่ช้านี้ ภารกิจโคลด์ วอร์ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่พวกเขาต้องแย่งชิงเพื่อชัยชนะและให้ได้มาซึ่งอำนาจ ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกต้องสงสัยจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าเป็นการคอร์รัปชั่นหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนการของตำรวจในกรมด้วยกันเอง
Cold War ได้โครงมาจากเหตุการณ์ครั้งที่สหรัฐอเมริกากำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็น บารัค โอบามา, จอห์น แมคเคน หรือว่า ฮิลลารี คลินตัน ทุกคนเป็นคู่แข่งทางการเมืองแต่ละคนก็มีดีกรีสูสีกันไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร ผู้สร้างจึงรู้สึกประทับใจอย่างมากที่คู่แข่งเหล่านี้เคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน แม้ว่าแต่ละคนต้องใช้กลยุทธ์การต่อสู้ในการหาเสียงที่ต้องพูดเอาดีเข้าตัว แต่ละคนก็มีสปิริตที่ดี ไม่สาดโคลนให้คู่แข่งขัน จึงได้ดัดแปลงเรื่องราวทั้งหมดมาใส่ไว้ในกรมตำรวจฮ่องกง
โดยภาพยนตร์ได้นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายมาร่วมแสดง รวมทั้งนักแสดงสมทบที่ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ฉากอย่าง หลิว เต๋อหัว และไมเคิล หว่อง ด้วย เมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในฮ่องกง, จีน และไต้หวัน จนกล่าวว่าเป็นภาพยนตร์ฮ่องกงที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี และได้รับเกียรติให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ที่เกาหลีใต้ และทำรายได้มากกว่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกงในการฉายเพียงไม่กี่สัปดาห์ จนกระทั่งกัว ฟู่เฉิ่ง นักแสดงในเรื่องที่รับบท หลิว ฉีฮวย ตอบรับในการรับบทต่อไปในภาคที่ 2 ทันที
ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ว่าเข้มข้น เล่าเรื่องได้สนุก ดูจริงจัง ฉับไว หนักแน่น ลุ้นระทึก ตื่นเต้นทุกนาที ทั้ง ๆ ที่มีฉากแอ็คชั่นให้ได้ชมกันเพียงไม่กี่ฉาก แม้จริง ๆ แล้ว เรื่องที่ดูแน่น ก็มีรอยโหว่ในเรื่องความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ ความสมเหตุ สมผล การสอดรับกันของสถานการณ์มากมาย แต่กว่าผู้ชมจะคิดหรือมองเห็น ก็คือเมื่อเดินออกจากโรงภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว
อีกอย่างที่ขาดไป ก็คือความเข้มข้นในส่วนดราม่า ทั้งที่มีโอกาสเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมที่ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นมากขึ้น แต่ก็เป็นได้ที่ผู้กำกับ-เขียนบทของเรื่องเอง เลือกจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียว
ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกับบทที่วางปมไว้ได้น่าติดตาม สร้างเงื่อนไข จุดพลิกผันต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้ชมจดจ่อกับสถานการณ์ที่ดำเนินไป แบบไม่วางตา กระทั่งตอนที่จะขึ้นเครดิตในตอนจบ ก็ยังอุตส่าห์ที่ดึงอารมณ์กลับมาให้ผู้ชมที่กำลังเดินออกจากโรงพร้อมกับวางปมทิ้งไว้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในแบบที่ทำให้งงงวย หากแต่ทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวละครบางตัว
ตำหนิบางรอยที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นภาพยนตร์ไม่ถึงกับเหนือชั้นแบบ Infernal Affairs แต่หากมองว่าเป็นภาพยนตร์เลือกที่จะสร้างความบันเทิง ในความเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น หักเหลี่ยม ระทึก ตื่นเต้น แบบไม่ต้องสนเส้นทางสายอื่น Cold War พาตัวเองเดินมาถูกทาง ทำได้อย่างที่ต้องการ และมีความชัดเจนในตัวเอง